ขอนำเสนอประโยชน์ของน้ำโกจิ 4 ข้อดังต่อไปนี้ :
1. เพื่อต้านความชราและทำให้อายุยืน - เพื่ออายุยืน โกจิ มีโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด และสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด จึงทำให้คุณอายุยืนได้ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. ( 1 ออนซ์ ) ก่อนอาหารเช้า และเย็น - เพื่อการนอนหลับสบาย โกจิมีความสามรถทำให้คุณนอนหลับได้สนิทและยาว ทำให้สุขภาพของคุณแข็งแรง ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 1 ครั้งๆละ 30-60 ซี.ซี. ( 1-2 ออนซ์ ) ในช่วงเวลาบ่าย - ป้องกันและถนอม ดี.เอ็น.เอ (สารพันธุกรรม) ดี.เอ็น.เอ เป็นสารพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอด ให้ลูก - หลานได้ ดังนั้นเซลล์ในร่างกายจึงต้องมี ดี.เอ็น.เอ ที่แข็งแรงและทำงานได้ตามปกติ อย่าให้ ดี.เอ็น.เอ ถูกทำลาย ตัวทำลาย ดี.เอ็น.เอ ได้แก่ สารเคมีที่เป็นพิษ มลพิษ และอนุมูลอิสระ ในโกจิ มีบีเทน (betaine) และโพลีแซคคาไรด์ทั้ง 4 ชนิด ช่วยคุณได้ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.ก่อนอาหารเช้าและเย็น - ดูอ่อนกว่าวัย โกจิสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนสำหรับการเจริญเติบโตโดยต่อมใต้สมอง ทำให้ลดปริมาณไขมัน นอนหลับได้ลึก กระตุ้นความจำให้เป็นปกติ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ดูอ่อนกว่าวัย ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งละๆ 30 ซี.ซี. 2. ช่วยให้อวัยวะต่างๆแข็งแรงและทำงานได้ตามปกติ - การย่อยอาหาร โกจิช่วยกระตุ้นให้เซลล์ในกระเพาะอาหารทำงานได้เป็นปกติ ย่อยง่าย ใช้ได้เร็ว ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. - ตา ชาวจีนในอดีตใช้โกจิ ช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นเป็นปกติ ในสมัยใหม่นักวิทยาศาสตร์จีนพบว่า ในก๋าวกี้ (โกจิ) มีสารซีแซนทิน (zeaxanthin) และลูทีน (lutein) ช่วยปรับสภาพแสงที่เข้าสู่ตา และกรองแสงสีน้ำเงินที่มีอันตรายให้เราได้ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. - หัวใจ โกจิ มีไซเพอโรน (cyperone ) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานิน (anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี - ภูมิคุ้มกัน โกจิมีโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด ที่สามรถปกป้อง และปรับให้ภูมิคุ้มกันของเราอยู่ในสภาพสมดุล ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. - ไต ชาวจีนให้ความสำคัญกับไตมากที่สุด เพราะสารถควบคุมสมอง และอวัยวะต่างๆให้ทำงานได้อย่างปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. -ความจำ โกจิ มีบีเทน ซึ่งช่วยให้เกิดสารโคลีน ( choline ) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. - ตับ โกจิมีซีรีโปรไซด์ (cerebroside )ช่วยส่งเสริมการทำงานของตับ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. 3. ช่วยเสริมอาการบางอย่างให้ปกติ - ความกังวลและความเครียด โกจิ ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเพื่อควบคุมความกังวลและความเครียดให้ลดลงแอยู่ในสภาวะปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. - ความดันโลหิต โกจิมีสารประกอบ โพลีแซคคาไลค์ 4 ชนิดที่มีประโยชน์ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. - น้ำตาลในเลือด โกจิมีสารโพลีแซคคาไลค์ 4 ชนิด ที่สามารถช่วยให้น้ำตาลในเลือดและอินซูลินอยู่ในสภาพสมดุล นอกจากนี้ยังมี บีเทน (butane) สามารถช่วยป้องกันโรคไขมันในตับ และท่อเลือด ที่จะถูกปริมารน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปทำลาย ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. - โคเลสเตอรอล โกจิ มีเบต้า - ไซโตสเตอรอล (beta - sit sterol ) ซึงสามารถช่วยรักษาระดับ เอช.ดี.แอล (HDL) ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลประเภทดีต่อร่างกาย ให้อยู่ในปริมาณสูงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอล ถูกเติมออกซิเจน และเกิดเป็นคราบอุดตันเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมี ฟลาโวนอยด์ ( flavonoids ) ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำงานได้ตามปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. - อารมณ์และจิตใจ โกจิมีชื่อเรียกอย่างว่า แฮปปี้เบอร์รี่ (happy berry) ทำให้ผู้ดื่มประจำมี่อารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. -ความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา โกจิช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. -อาการบวมและปวดเมื่อยตามข้อ โกจิช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตเอ็นไซม์ เอส.โอ.ดี ( SOD: Sulfur Oxide Dismutase) เพื่อไปทำลายอาการบวมและเมื่อยตามข้อ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. - สมรรถภาพทางเพศ โกจิช่วยเพิ่มฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน ( Testosterone) ในเลือดทำให้มีความต้องการทางเพศมากขึ้นทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. (ตอนเช้า) 60 ซี.ซี. (กลางคืน) 4. อื่นๆ - สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด โกจิ มีลาโวนอยด์ (flavonoids) ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดง ไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. - ลดน้ำหนัก โกจิช่วยลดน้ำหนักได้โดย โพลีแซคคาไลค์ 4 ชนิด เสริมการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานแทนที่จะเป็นไขมัน ปริมานที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี. - ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดไขมันข้นหนืด โคเลศเตอรอลและไขมันเลือดอื่นๆ สามารถเกิดเป็นไขมันหนืดในร่างกาย ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดถูกขัดขวางจากไขมันข้นหนืด โกจิสามารถเพิ่มระดับเอ็นไซม์ให้ยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาไขมันข้นหนืดได้ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบรับ
1. ปฏิกิริยาการผ่อนคลาย 2. ปฏิกิริยาอ่อนไหว 3. ปฏิกิริยาขับทิ้ง 4. ปฏิกิริยาฟื้นตัว 5. ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
1. ปฏิกิริยาการผ่อนคลาย ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอน ส่วนใหญ่จะพบอาการนี้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังอยู่ก่อน เนื่องจากเกิดอาการสูญเสียสมดุลร่างกายไปเชื่อขณะหนึ่ง เนื่องจากอวัยวะที่เกิดโรคฟื้นตัวขึ้นมาเป็นการซ่อมแซมอวัยวะนั้น 2. ปฏิกิริยาอ่อนไหว ท้องผูก ท้องเสีย อาการเจ็บปวด บวม เหงื่อออก พบได้ประมาณ 20 % มักเกิดในคนที่มีอาการเรื้อรังในร่างกาย เข้าไปทำการต่อสู้กับโรค ปรากฏชัดขึ้นมาภายนอกร่างกายอย่างรวดเร็ว ในช่วงดังกล่าว เป็นการสะท้อนกลับของร่างกายให้กลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิม 3. ปฏิกิริยาขับทิ้ง การเกิดอาการเห่อ มีผื่น ลมพิษที่ผิวหนัง ขี้ตา สีปัสสาวะเปลี่ยน เกิดจากผลการเริ่มสลายและขับของเสียสิ่งตกค้าง พิษต่างๆ ที่สะสมในร่างกาย เป็นการขับถ่ายของเสียออกจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย 4. ปฏิกิริยาฟื้นตัว เกิดอาการไข้ อาการเจ็บปวด ปวดท้อง เป็นอาการที่เกิดขึ้นมาเมื่อระบบการไหลเวียนของโลหิตฟื้นตัว ทำให้สารพิษที่อุดตันไหลเวียนโลหิตถูกขับออกมาในกระแสเลือด 5. ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ บางคนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หรือปฏิกิริยาหยุดไปเมื่อไรไม่ทราบ ถ้าเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีอาจจะไม่รู้สึกอะไร รู้เพียงแต่ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นต้องให้หมอตรวจร่างกายถึงจะรู้
หมายเหตุ : ผลที่ตามมามาจากกลไกการขจัดของเสีย (Detoxification Symptoms and Healing Effects) เมื่อรับประทานโกจิ กลไกตามธรรมชาติในร่างกายจะทำให้มีการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงในร่วงแรก เช่นปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย หรืออาการต่างๆเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการรับประทาน โกจิ ทีละน้อยๆเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณการใช้ อาการปฏิกิริยาตอบรับหลังจากทาน เกิดขึ้นหลังจากรับประทาน อาการจะมากน้อยต่างกัน ส่วนใหญ่จะพบอาการนี้กับผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอยู่ก่อน คือ จะมีอาการ 3-7 วัน รุนแรง 2-3 สัปดาห์ อาการที่เกิดขึ้นเช่น อาการง่วงนอน, สดชื่นกระปรี้กระเปร่า, ปัสสาวะบ่อยๆในช่วงแรก มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง มีน้ำมูกมาก ครั้นเนื้อ ครั่นตัว หนาวๆร้อนๆ ปวดศีรษะ เหมือนจะเป็นไข้ เจ็บปวด กรณีมีปัญหาระบบไขข้อหรือเสริมอวัยวะ ให้หยุดทาน 1-2 วัน แล้วเริ่มทานใหม่ อาการข้างเคียงดังกล่าวจะหายไปเองในช่วง 7-15 วัน แล้วแต่ชนิดโรค
น้ำโกจิเป็นอาหาร ดังนั้น จึงไม่มีอันตรายจากการเป็นพิษ อย่างไรก็ตามผู้เขียนแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ หรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพก่อนเริ่มรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกครั้ง
คุณควรดื่มโกจิได้หรือยัง ? น้ำโกจิ ก็คือน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งนั่นเอง แต่มีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ เท่านั้นเอง
ความหวานในน้ำก๋าวกี้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่มีอยู่เอง ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที
|