Goji juice http://gojihappyjuice.siam2web.com/

(Root) 2009626_77749.jpg

ขอนำเสนอประโยชน์ของน้ำโกจิ 4 ข้อดังต่อไปนี้ :

1. เพื่อต้านความชราและทำให้อายุยืน
- เพื่ออายุยืน โกจิ มีโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด และสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด จึงทำให้คุณอายุยืนได้
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. ( 1 ออนซ์ ) ก่อนอาหารเช้า และเย็น
- เพื่อการนอนหลับสบาย โกจิมีความสามรถทำให้คุณนอนหลับได้สนิทและยาว
ทำให้สุขภาพของคุณแข็งแรง
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 1 ครั้งๆละ 30-60 ซี.ซี. ( 1-2 ออนซ์ ) ในช่วงเวลาบ่าย
- ป้องกันและถนอม ดี.เอ็น.เอ (สารพันธุกรรม) ดี.เอ็น.เอ เป็นสารพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอด
ให้ลูก - หลานได้ ดังนั้นเซลล์ในร่างกายจึงต้องมี ดี.เอ็น.เอ ที่แข็งแรงและทำงานได้ตามปกติ อย่าให้ ดี.เอ็น.เอ ถูกทำลาย ตัวทำลาย ดี.เอ็น.เอ ได้แก่ สารเคมีที่เป็นพิษ มลพิษ และอนุมูลอิสระ ในโกจิ มีบีเทน (betaine) และโพลีแซคคาไรด์ทั้ง 4 ชนิด ช่วยคุณได้
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.ก่อนอาหารเช้าและเย็น
- ดูอ่อนกว่าวัย โกจิสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนสำหรับการเจริญเติบโตโดยต่อมใต้สมอง ทำให้ลดปริมาณไขมัน นอนหลับได้ลึก กระตุ้นความจำให้เป็นปกติ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ดูอ่อนกว่าวัย
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งละๆ 30 ซี.ซี.
2. ช่วยให้อวัยวะต่างๆแข็งแรงและทำงานได้ตามปกติ
- การย่อยอาหาร โกจิช่วยกระตุ้นให้เซลล์ในกระเพาะอาหารทำงานได้เป็นปกติ
ย่อยง่าย ใช้ได้เร็ว
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
- ตา ชาวจีนในอดีตใช้โกจิ ช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นเป็นปกติ ในสมัยใหม่นักวิทยาศาสตร์จีนพบว่า ในก๋าวกี้ (โกจิ) มีสารซีแซนทิน (zeaxanthin) และลูทีน (lutein) ช่วยปรับสภาพแสงที่เข้าสู่ตา และกรองแสงสีน้ำเงินที่มีอันตรายให้เราได้
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
- หัวใจ โกจิ มีไซเพอโรน (cyperone ) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานิน (anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี
- ภูมิคุ้มกัน โกจิมีโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด ที่สามรถปกป้อง และปรับให้ภูมิคุ้มกันของเราอยู่ในสภาพสมดุล ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
- ไต ชาวจีนให้ความสำคัญกับไตมากที่สุด เพราะสารถควบคุมสมอง และอวัยวะต่างๆให้ทำงานได้อย่างปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
-ความจำ โกจิ มีบีเทน ซึ่งช่วยให้เกิดสารโคลีน ( choline ) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
- ตับ โกจิมีซีรีโปรไซด์ (cerebroside )ช่วยส่งเสริมการทำงานของตับ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
3. ช่วยเสริมอาการบางอย่างให้ปกติ
- ความกังวลและความเครียด โกจิ ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเพื่อควบคุมความกังวลและความเครียดให้ลดลงแอยู่ในสภาวะปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
- ความดันโลหิต โกจิมีสารประกอบ โพลีแซคคาไลค์ 4 ชนิดที่มีประโยชน์ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
- น้ำตาลในเลือด โกจิมีสารโพลีแซคคาไลค์ 4 ชนิด ที่สามารถช่วยให้น้ำตาลในเลือดและอินซูลินอยู่ในสภาพสมดุล นอกจากนี้ยังมี บีเทน (butane) สามารถช่วยป้องกันโรคไขมันในตับ และท่อเลือด ที่จะถูกปริมารน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปทำลาย
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
- โคเลสเตอรอล โกจิ มีเบต้า - ไซโตสเตอรอล (beta - sit sterol ) ซึงสามารถช่วยรักษาระดับ เอช.ดี.แอล (HDL) ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลประเภทดีต่อร่างกาย ให้อยู่ในปริมาณสูงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอล ถูกเติมออกซิเจน และเกิดเป็นคราบอุดตันเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมี ฟลาโวนอยด์ ( flavonoids ) ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำงานได้ตามปกติ ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
- อารมณ์และจิตใจ โกจิมีชื่อเรียกอย่างว่า แฮปปี้เบอร์รี่ (happy berry) ทำให้ผู้ดื่มประจำมี่อารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
-ความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา โกจิช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
-อาการบวมและปวดเมื่อยตามข้อ โกจิช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตเอ็นไซม์ เอส.โอ.ดี
( SOD: Sulfur Oxide Dismutase) เพื่อไปทำลายอาการบวมและเมื่อยตามข้อ
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
- สมรรถภาพทางเพศ โกจิช่วยเพิ่มฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน ( Testosterone) ในเลือดทำให้มีความต้องการทางเพศมากขึ้นทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี. (ตอนเช้า)
60 ซี.ซี. (กลางคืน)
4. อื่นๆ
- สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด โกจิ มีลาโวนอยด์ (flavonoids) ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดง ไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 30 ซี.ซี.
- ลดน้ำหนัก โกจิช่วยลดน้ำหนักได้โดย โพลีแซคคาไลค์ 4 ชนิด เสริมการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานแทนที่จะเป็นไขมัน
ปริมานที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.
- ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดไขมันข้นหนืด โคเลศเตอรอลและไขมันเลือดอื่นๆ สามารถเกิดเป็นไขมันหนืดในร่างกาย ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดถูกขัดขวางจากไขมันข้นหนืด โกจิสามารถเพิ่มระดับเอ็นไซม์ให้ยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาไขมันข้นหนืดได้
ปริมาณที่ควรดื่มวันละ 2 ครั้งๆละ 60 ซี.ซี.

(Root) 2009622_80127.jpg

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบรับ

1. ปฏิกิริยาการผ่อนคลาย
2. ปฏิกิริยาอ่อนไหว
3. ปฏิกิริยาขับทิ้ง
4. ปฏิกิริยาฟื้นตัว
5. ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

1. ปฏิกิริยาการผ่อนคลาย
ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอน ส่วนใหญ่จะพบอาการนี้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังอยู่ก่อน เนื่องจากเกิดอาการสูญเสียสมดุลร่างกายไปเชื่อขณะหนึ่ง เนื่องจากอวัยวะที่เกิดโรคฟื้นตัวขึ้นมาเป็นการซ่อมแซมอวัยวะนั้น
2. ปฏิกิริยาอ่อนไหว
ท้องผูก ท้องเสีย อาการเจ็บปวด บวม เหงื่อออก พบได้ประมาณ 20 % มักเกิดในคนที่มีอาการเรื้อรังในร่างกาย เข้าไปทำการต่อสู้กับโรค ปรากฏชัดขึ้นมาภายนอกร่างกายอย่างรวดเร็ว ในช่วงดังกล่าว เป็นการสะท้อนกลับของร่างกายให้กลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิม
3. ปฏิกิริยาขับทิ้ง
การเกิดอาการเห่อ มีผื่น ลมพิษที่ผิวหนัง ขี้ตา สีปัสสาวะเปลี่ยน เกิดจากผลการเริ่มสลายและขับของเสียสิ่งตกค้าง พิษต่างๆ ที่สะสมในร่างกาย เป็นการขับถ่ายของเสียออกจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย
4. ปฏิกิริยาฟื้นตัว
เกิดอาการไข้ อาการเจ็บปวด ปวดท้อง เป็นอาการที่เกิดขึ้นมาเมื่อระบบการไหลเวียนของโลหิตฟื้นตัว ทำให้สารพิษที่อุดตันไหลเวียนโลหิตถูกขับออกมาในกระแสเลือด
5. ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
บางคนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หรือปฏิกิริยาหยุดไปเมื่อไรไม่ทราบ ถ้าเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีอาจจะไม่รู้สึกอะไร รู้เพียงแต่ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นต้องให้หมอตรวจร่างกายถึงจะรู้

หมายเหตุ :
ผลที่ตามมามาจากกลไกการขจัดของเสีย (Detoxification Symptoms and Healing Effects) เมื่อรับประทานโกจิ กลไกตามธรรมชาติในร่างกายจะทำให้มีการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงในร่วงแรก เช่นปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย หรืออาการต่างๆเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการรับประทาน โกจิ ทีละน้อยๆเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณการใช้
อาการปฏิกิริยาตอบรับหลังจากทาน
เกิดขึ้นหลังจากรับประทาน อาการจะมากน้อยต่างกัน ส่วนใหญ่จะพบอาการนี้กับผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอยู่ก่อน คือ จะมีอาการ 3-7 วัน รุนแรง 2-3 สัปดาห์ อาการที่เกิดขึ้นเช่น อาการง่วงนอน, สดชื่นกระปรี้กระเปร่า, ปัสสาวะบ่อยๆในช่วงแรก มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง มีน้ำมูกมาก ครั้นเนื้อ ครั่นตัว หนาวๆร้อนๆ ปวดศีรษะ เหมือนจะเป็นไข้ เจ็บปวด
กรณีมีปัญหาระบบไขข้อหรือเสริมอวัยวะ ให้หยุดทาน 1-2 วัน แล้วเริ่มทานใหม่ อาการข้างเคียงดังกล่าวจะหายไปเองในช่วง 7-15 วัน แล้วแต่ชนิดโรค

น้ำโกจิเป็นอาหาร ดังนั้น จึงไม่มีอันตรายจากการเป็นพิษ อย่างไรก็ตามผู้เขียนแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ หรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพก่อนเริ่มรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกครั้ง

คุณควรดื่มโกจิได้หรือยัง ?
น้ำโกจิ ก็คือน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งนั่นเอง
แต่มีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
มากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ
เท่านั้นเอง

ความหวานในน้ำก๋าวกี้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่มีอยู่เอง ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 7,815 Today: 3 PageView/Month: 1

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...